HbA1c คือ อะไร
HbA1c คือ อะไร ? HbA1c หรือ Hemoglobin A1C (ฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี) เป็นระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือด ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นตัววัดว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมานั้นคุณมีระดับน้ำตาลในเลือดเกินความต้องการของร่างกายหรือไม่ ซึ่งตัวน้ำตาลที่เป็นส่วนเกินที่ร่างกายต้องกายจะไปจับตัวกับเม็ดเลือดแดง จนมีปริมาณ HbA1c (ฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งวิธีการตรวจนี้จะได้ผลชัดเจนมากกว่าการตรวจ FBS (Fasting Blood Sugar)
FBS คือ อะไร
FBS คือ อะไร FBS หรือ Fasting Blood Sugar ที่เรียกกันทั่วๆไปว่า การตรวจเบาหวาน เป็นการตรวจหาค่าความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือด ณ เวลาที่ทำงานเจาะเลือดเพื่อตรวจ ซึ่งจำเป็นต้องงดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด(ยกเว้นน้ำเปล่า) ก่อนเจาะเลือดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐานที่ช่วยในการคัดกรองและวินิจฉัยผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ไวที่สุด และยังช่วยติดตามระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินผลในการรักษา และสามารถป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง หรือ ต่ำจนเกินไปได้อีกด้วย แต่ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะทานอาหารที่น้ำตาลน้อยในช่วง 2-3 วันก่อนตรวจ จึงอาจทำให้ค่าน้ำตาลที่ตรวจได้ออกมาปกติ การตรวจที่ผลชัดเจนมากกว่าเลยเป็นการตรวจ HbA1c แทน
HbA1c ค่า ปกติ ที่เท่าไหร่ ?
โดยปกติแล้ว คนที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน HbA1c ค่า ปกติ จะอยู่ที่ 4-5.6% และจะเริ่มมีความเสี่ยงเมื่อค่า HbA1c อยู่ที่ 5.7-6.4% และมีโอกาสเป็นเบาหาวนสูงมากเมื่อค่า HbA1c 6.5% ถ้าสูงกว่า 6.5% แสดงว่าคุณเป็นโรคเบาหวานแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อค่า HbA1c อยู่ที่ 6.0% ควรปรึกษาแพทย์และรีบหาทางแก้ดีกว่า เพราะเบาหวานไม่สามารถหายขาดได้
ค่าต่างๆ |
ดีเยี่ยม |
มีความเสี่ยง |
ต้องได้รับการรักษา |
คะแนน HbA1c |
4.0 | 5.0 | 6.0 |
7.0 | 8.0 |
9.0 | 10.0 | 11.0 | 12.0 | 13.0 | 14.0 |
---|---|---|---|
Mean Blood mg/dl |
50 | 80 | 115 |
150 | 180 |
215 | 250 | 280 | 315 | 350 | 380 |
Glucose mmol/m |
2.6 | 4.7 | 6.3 |
8.2 | 10.0 |
11.9 | 13.7 | 15.6 | 17.4 | 19.3 | 21.1 |
ค่า HbA1c ต่ำกว่าปกติ
- อาจเกิดจากการเป็นสภาวะไตวายเรื้อรัง ทำให้ไตทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้การผลิตฮอร์โมนอีริโทรโพอติน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นไขกระดูก ให้สร้างเม็ดเลือดแดง ทำงานได้ไม่ปกติ และส่งผลอย่างต่อเนื่อง จนทำให้จำนวนเม็ดเลือดแดง ถูกผลิตออกมาน้อยกว่าปกติ จึงทำให้ค่า HbA1c ต่ำกว่าปกติ
- อาจเกิดจากการเสียเลือด ทั้งชนิดที่ตรวจพบ และตรวจไม่พบ ซึ่งส่งผลให้เม็ดเลือดแดงมีอายุไม่ถึง 120 วัน เนื่องจากเสียเลือดไปก่อนตรวจ ส่งผลให้ค่า HbA1C ที่ถูกน้ำตาลจับตัวอยู่อาจมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริง รวมไปถึงกรณที่น้ำตาลสูงกว่าปกติอีกด้วย
- อาจเกิดจากโลหิตจาง ชนิดที่เม็ดเลือดแดงแตกง่ายๆ การเป็นโรคชนิดนี้ อาจทำให้ไม่สามารถตรวจนับเม็ดเลือดแดงที่จับกับน้ำตาลในจำนวนที่ควรนับได้ แม้น้ำตาลในกระแสเลือดจะเกินค่าปกติก็ตาม
ค่า HbA1c สูงกว่าปกติ
- อาจเกิดสภาวะเบาหวานได้ อย่างน้อย 120 ที่ผ่านมาแล้ว
อาจเกิดจากสภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากความเครียดรุนแรงเฉียบพลัน แต่ไม่ได้เป็นเบาหวานแต่อย่างใด - กรณีเป็นเบาหวานอยู่แล้ว อาจเกิดจากการควบคุมที่ไม่ดีพอ เช่น การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย การไม่กินยาตามแพทย์สั่ง หรือไม่พบแพทย์ตามนัด
- กรณีตัดม้ามทิ้ง ในกรณีนี้จะทำให้เม็ดเลือดแดง ไม่มีแหล่งกำจัดทิ้ง จนมีเม็ดเลือดแดงแก่ตัวลง จนอายุขัยเกิน 120 ไปแล้ว และยังคงไหลเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือดอยู่ จึงมีผลต่อเนื่องทำให้ค่า HbA1C มีค่าสูงผิดปกติได้
HbA1C ค่า สูง ควรทำยังไง
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
- ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชียวชาญ
- ตรวจร่างกาย เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่นๆ
- ตรวจค่า HbA1c อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือตามแพทย์สั่ง
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร ลดอาหารประเภทให้พลังงาน เช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต
สมุนไพรลดเบาหวาน ชีวา ชนิดแคปซูล
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการสกัด จากสมุนไพรหลักๆ 2 ชนิด ได้แก่ ผักเชียงดา และ อบเชยด้วยคุณสมบัติ เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหา ความดัน เบาหวาน (ระดับน้ำตาลในเลือดสูง) ไขมัน คลอเรสรอล หรือผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพป้องกันปัญหาหาสุขภาพตามมา อ่านเพิ่มเติม
วิธี ลด HbA1c สำคัญทั้งการเปลี่ยนพฤติกรรมและการทานอาหาร
ต้องบอกก่อนว่า วิธี ลด HbA1c นั้นไม่สามารถที่จะใช้ยา เพียงอย่างเดียว หรือกินสมุนไพร + ยา ก็หาย แต่การจะลดได้นั้น ขึ้นอยู่กับวินัยในการใช้ชีวิตเป็นหลัก ยา สมุนไพร อาหารเสริม เป็นแค่ส่วนช่วย ให้ดีขึ้น แต่ถ้ายังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และยังคงไม่ดูแลตัวเองอยู่ คุณก็จะยิ่งอาการแย่ลงอยู่เรื่อยๆเหมือนเดิม
การเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดค่า HbA1C
- เลิกบุหรี่
- ลดน้ำหนัก
- ออกกำลังกาย
- นอนให้เยอะขึ้นลด
- ความเครียดลงดูแลสุขภาพ
- ช่องปากให้ดี
- รับวิตามินจากแสดงแดดบ่อยๆ
การเปลี่ยนการทานอาหารเพื่อลดค่า HbA1C
- โยเกิร์ต
- สมุนไพรดื่มน้ำมากขึ้น
- ดาร์กช็อกโกแลต
- ทานให้หลากหลาย
- เพิ่มผักผลไม้ลงในแต่ละมื้ออาหาร
- หลีกเลี่ยงน้ำตาลแล
- คาร์โบไฮเดรต
- บริโภคพืชตระกูลถั่ว ธัญพืชและปลา
- อาหารเสริม (ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน)
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในระดับที่พอดี (ประมาณ 1-2 กระป๋องต่อวัน)