5 สมุนไพร ลดความดัน โลหิตสูง ยอดนิยม มีอะไรบ้าง

5 สมุนไพร ลดความดัน โลหิตสูง ยอดนิยม มีอะไรบ้าง

สารบัญเนื้อหา

สมุนไพร ลดความดัน โลหิตสูง ได้จริงหรือไม่

มีการศึกษาวิจัยจากวงการแพทย์ทั่วโลกเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรเพื่อลดความดัน เนื่องจากมีความเชื่อกันมากกว่า สมุนไพรพื้นบ้านสามารถช่วยลดความดันลงได้
อย่างไรก็ตามทางการแพทย์ก็มีความพยายามที่จะศึกษาและพิสูจน์กันมาตลอดหลายทศวรรษเกี่ยวกับสรรพคุณของสมุนไพร ผลข้างเคียงที่อาจจะตามมา และวิธีการใช้
อย่างไรก็ตาม มาลองดูกันว่ามีสมุนไพรตัวไหนบ้างที่มีสรรพคุณช่วยลดความดัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็เพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับทุกท่านครับ

5 สมุนไพร ลดความดัน โลหิตสูง ยอดนิยม มีอะไรบ้าง

5 สมุนไพร ลดความดัน โลหิตสูง ยอดนิยม มีอะไรบ้าง

แนะนำ 5 สมุนไพร ลดความดัน โลหิตสูง ที่ได้ผลดี และที่สำคัญคือหาได้ไม่ยากนัก ไม่ว่าจะจากร้านขายยาแผนโบราณ หรือพืชผักพื้นบ้านที่สามารถปลูกเองได้ในครัวเรือน

1.กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง ( Roselle ) มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Hibiscus sabdariffa Linn มีสรรพคุณหลายอย่างคือ ช่วยขับปัสสาวะ แก้ท้องอืด เป็นยาระบาย ลดความดัน รักษาลำไส้อักเสบ ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยขับเสมหะ ช่วยขับลม แก้โรคนิ่ว โรคกระเพาะ แก้การกระหายน้ำ บำรุงธาตุ เป็นต้น
สำหรับการนำมาใช้ นิยมนำดอกมาต้นน้ำดื่ม รองมาคือนำยอดอ่อนมาปรุงอาหาร หรือนำสีมาผสมอาหาร เป็นต้น

ข้อควรระวัง

เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณอย่างดีเยี่ยมในการช่วยขับถ่าย เป็นยาระบาย ล้างลำไส้ ดังนั้นผู้ที่กำลังมีปัญหาเรื่องท้องเสียจึงไม่ควรดื่ม
เนื่องจากมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ จึงไม่ควรดื่มในปริมาณมากเป็นเวลาติดต่อกัน เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้

2.กระเทียม

กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อาหารในหลายประเทศทั่วโลกนิยมใช้ในการประกอบอาหาร แม้ว่าจะมีกลิ่นแรง แต่ก็ช่วยขับเน้นรสชาติของอาหารต่างๆได้ดีมาก
สำหรับการศึกษาทางการแพทย์ได้บ่งชี้ว่า กระเทียมมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น ช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดระดับไขมันในเลือด โรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องมีการค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไปว่าจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้หรือไม่

ข้อควรระวัง

การรับประหานบ่อยๆอาจส่งผลข้างเคียงบ้าง เช่น ทำให้มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว แสบร้อนในปากหรือช่องท้อง มีแก๊สในกระเพาะ ท้องร่วง และผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการแพ้ด้วย
สตรีมีครรภ์และให้สมบุตร ควรระวังการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม กรณีที่ทานกระเทียมเป็นยาและอาหารเสริม

3.กะเพรา

กะเพราเป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยนำไปใช้ปรุงมานาน ซึ่งอาหารที่นำมาปรุงก็เป็นอาหารประเภทที่คนไทยนิยมทานกันมากด้วย ปัจจุบันก็เริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกะเพราในรูปแบบยาและอาหารเสริมด้วย
กะเพรามีสารอาหารเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาก ได้แก่ วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก จึงมีความเชื่อกันมานานว่า กระเพราหรือสารที่สกัดจากกระเพราอาจช่วยลดความดันโลหิตได้
อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าจะสามารถช่วยรักษาภาวะความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยได้ในทุกกรณีจริงหรือไม่

ข้อควรระวัง

เนื่องจากกะเพราะมีสารเอสทราโกล (Estragole) การบริโภคมากจึงอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งตับได้ โดยเฉพาะการทานดิบหรือน้ำมันที่สกัดจากกะเพราติดต่อกันเป็นเวลานาน
น้ำมันและสารสกัดจากกะเพราอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า และทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ และอาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป

4.ขิง

ขิง เป็นพืชที่มีรสชาติเผ็ดที่โดดเด่น ส่วนเหง้าถูกนำมาใช้ประกอบอาหารและสกัดทำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดต่างๆ แล้วยังมีการนำมาใช้ทำเครื่องสำอางและสบู่ด้วย
แม้ว่าทางการแพทย์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าขิงช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูงได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ตาม แต่เนื่องจากขิงมีสรรพคุณที่มักนำมาใช้เป็นยาระบาย แก้ท้องอืด แก้หวัด ขับเสมหะ และช่วยแก้ระบบไหลเวียนโลหิตของเลือดได้ดี จึงทำให้เชื่อกันว่าขิงจะสามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตสูงได้ ซึ่งยังต้องมีการศึกษาต่อไป

ข้อควรระวัง

ปกติแล้วการรับประทานขิงในปริมาณที่พอเหมาะก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ในบางรายอาจมีผลข้างเคียง เช่น แสบร้อนกลางอก ท้องร่วง หรืออาจมีความเสี่ยงประจำเดือนมากกว่าปกติ
การบริโภคขิงปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะมีเลือดออก เพิ่มระดับอินซูลิน หรือลดระดับน้ำตาลในเลือดลงเกินไป

5.ชะพลู

ชะพลู เป็นพืชสมุนไพรที่นำมาใช้ปรุงอาหารหลายประเภท มีสารบีตา-แคโรทีนสูงมาก นิยมนำมาใช้รับประทานอาหาร โดยเฉพาะในส่วนของใบ และดอก ซึ่งมีสรรพคุณหลายอย่างเช่น ลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเลือด ใช้รักษาโรคเบาหวาน แล้วยังมีการศึกษาพบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง บำรุงกระดูก บำรุงสายตา ช่วยแก้ท้องอืด ขับเสมหะ เป็นต้น

ข้อควรระวัง

เนื่องจากชะพลูมีแคลเซียมอยู่ไม่น้อย ดังนั้นหากรับประทานในปริมาณมากหรือติดต่อกันเป็นเวลานาน แคลเซียมในใบชะพลูจะเปลี่ยนเป็นแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้ วิธีแก้คือ ควรดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อลดสารออกซาเลตให้เจือจางลง

ผู้ที่มีปัญหาท้องเสีย ท่องร่วง ไม่ควรบริโภคมาก เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบายด้วย

อย่างไรก็ตาม การทานสมุนไพรเพื่อลดความดัน แต่ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอยู่ ยังทานทุกอย่างที่ขวางหน้าก็ยังคงส่งผลร้ายต่อร่างกายอยู่ดี ฉนั้นควรเลือกทานแต่พอดี หรือเลือกทานของที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น และถ้าเกิดคุณมีปัญหาอื่นๆ เกี่ยวกับสุขภาพ การทานอาหาร เรามีทีมเภสัชคอยให้คำปรึกษาฟรีๆแก่คุณอยู่ อย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

www.tuasaude.com

www.healthline.com

www.ncbi.nlm.nih.gov

คอมเมนต์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ