ความดันโลหิตคืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมเราถึงควรใส่ใจดูแล
ความดันโลหิตคือ ค่าความดันภายในหลอดเลือดแดง ซึ่งเกิดจากการบีบตัวของหัวใจ ส่งผ่านหลอดเลือดเพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากความดันโลหิตสูงจะทำให้หัวใจเกิดการบีบตัว จนเกิดเป็นโรคร้ายแรงต่างๆ ได้ ซึ่งอาการผิดปกติของกระแสเลือดนั้นสามารถเป็นได้ทั้ง ความดันโลหิตต่ำ และ ความดันโลหิตสูง เกินไป ทั้งสองอย่างจะเกี่ยวโยงกันกับการที่เลือดจะวิ่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ซึ่งจะทำให้อาการนั้นมีต่างกันไป
ความดันโลหิตสามารถวัดได้ 2 ค่าดังนี้
1.ความดันโลหิตบน คือ แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัว
2.ความดันโลหิตล่าง คือ แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจคลายตัวเต็มที่
ความดันโลหิตสูง (Hypertention) คือ?
เป็นภาวะมีค่าความดันโลหิตสูงในระดับที่ผิดปกติ ตรวจวัดค่าได้มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งหมายถึงการหัวใจออกแรงสูบฉีดเลือดแรงเกินไปจนอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงต่างๆได้ ปัจจัยการเกิดนั้นไม่แน่ชัดนักและสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลแก้ไขที่ถูกต้องและทันเวลาก็อาจจะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างขึ้นได้
สาเหตุการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนมากประมาณ 90-95% หมอจะไม่สามารถตรวจพบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัดได้ ไม่พบอาการความผิดปกติต่างๆ เรียกว่า ความดันโลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด (Essential Hppertension) ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าสามารถจะเกิดจากอะไร หมอจะจ่ายยาลดความความดันโลหิตให้
ผู้ป่วยส่วนน้อยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงประมาณ 5-10% อาจตรวจพบสาเหตุการเกิดโรค และอาการความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ เรียกว่า “ความดันโลหิตสูงชนิดทราบสาเหตุแน่ชัด” ซึ่งอาจเกิดจากโรคประจำตัวต่างๆที่ผู้ป่วยยมีอยู่แล้ว ได้แก่
กลุ่มโรคไต เช่น โรคไตเรื้อรัง กรวยไตอักเสบ โรคถุงน้ำไตต่างๆ
กลุ่มโรคหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดไตตีบ โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
เนื้องอกบางชนิดของต่อมหมวกไต หรือต่อมใต้สมอง
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง
พันธุกรรม
- มีโอกาสสูงมากที่จะมีภาวะความดันโลหิตสูง หากสมาชิกในบ้านเคยมีประวัติเป็นภาวะโรคความดันโลหิตมาก่อนแล้ว
โรคเบาหวาน
- เพราะการอุดตันของน้ำตาลจะส่งผลให้เลือดหนืดข้นและอุดตันสะสมจนเกิดเป็นภาวะหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หัวใจต้องสูบฉีดแรงและถี่มากขึ้น
กลุ่มโรคไตเรื้อรัง
- การที่ไตเสื่อมเป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติในการสร้างเอ็นไซม์ รวมไปถึงฮอร์โมนที่ควบคุมระดับความดันโลหิต
ภาวะโรคอ้วนและน้ำหนักตัวมาก
- เพราะเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดตีบตันซึ่งจะส่งผลกับระดับความดันโลหิตโดยตรง
การขาดการออกกำลังกาย
- เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง ระบบเผาผลาญบกพร่อง และอาจเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโรคอ้วนอีกด้วย
การรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม
- การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะเป็นสาเหตุของโรคไตเสื่อมได้
แอลกอฮอล์
- เป็นการทำให้หัวใจเต้นแรงกว่าปกติ และมีโอกาสที่จะเกิดเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึง 50% เลยทีเดียว
การสูบบุหรี่
- สารพิษต่างๆในบุหรี่จะส่งผลให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด ก่อให้เกิดการตีบตัน ส่งผลไปเสียไปทั้งหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดไต
อาการของโรคความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่เป็นจากสาเหตุที่ไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะเพิ่งเริ่มเป็น ไม่ค่อยพบอาการที่แสดงออกอย่างชัดเจน อาจมีอาการปวดมึนท้ายทอย ตึงบริเวณต้นคอ มึนหัว เวียนศรีษะ ส่วนใหญ่อาการจะแสดงตอนเพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ อาจมีอาการปวดหัวตุ้บๆ ปวดหัวข้างเดียว คล้ายไมเกรน
- สำหรับผู้ที่มีสาเหตุเด่นชัด มักจะเป็นผู้ที่มีค่าความดันสูงมานานแล้ว มักจะมีอาการอ่อนเพลีย ใจสั่น เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ ตามัว มือชาเท้าชา หรืออาจมีเลือดกำเดาไหลร่วมด้วย
โรคร้ายแรงที่มาพร้อม ความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจขาดเลือด
- ความดันโลหิตที่สูงจะทำให้หัวใจทำงานหนัก หลอดเลือดหัวใจเกร็งอยู่ตลอดเวลาจนหลอดเลือดหนาขึ้น เสี่ยงหลอดเลือดแข็งซึ่งอาจส่งผลให้หัวใจวายจนเสียชีวิตได้
เส้นเลือดสมองโป่งพอง
- ผนังเส้นเลือดสมองจะอ่อนตัวลง อาจเกินการโป่งพองขึ้นจนเสี่ยงเส้นเลือดแตกได้
หัวใจล้มเหลว
- เมื่อความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจต้องออกแรงปั๊มเลือดเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้น ขาดความยืดยุ่น ในระยะยาวหัวใจจะไม่สามารถปรับตัวจนกลับมาคลายตัวเหมือนเดิมได้ ส่งผลให้เลือดไม่ถูกสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างเพียงพอ
โรคไตเสื่อม
- เลือดไปเลี้ยงไตไม่เพียง ส่งผลให้ไตขาดเลือด ระบบการทำงานของไตถูกทำลาย ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้ของเสียในร่างกายไม่ถูกกำจัด
การวัดระดับความดันโลหิต
ความดันช่วงบน (Systolic Pressure) คือ ค่าแรงดันโลหิตขณะที่หัวใจกำลังบีบตัว สูงขึ้นตามปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ อารมณ์ และปริมาณการออกกำลังกาย
ความดันช่วงล่าง (Diastolic Pressure) คือ ค่าแรงดันขณะหัวใจคลายตัว โดยจะสัมพันธ์ุกับความดันช่วงบน
ตารางเกณฑ์ค่าความดันที่ปกติ ช่วงบน/ช่วงล่าง
ความดันโลหิตปกติ < 120 และ < 80
ความดันปกติที่ค่อนไปทางสูง 120 – 129 และ < 80
ความดันโลหิตสูงระดับที่ 1 130 – 139 และ 80 – 89
ความดันโลหิตสูงระดับที่ 2 > 140 และ > 90
หากอายุเยอะขึ้น การหมั่นวัดความดันนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เพราะส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการก่อน แต่จะแสดงออกมาเมื่ออาการทรุดหนักแล้ว ดังนั้นการวัดความดันด้วยตัวเองจึงเป็นการป้องกันและรู้ทันอันตรายที่กำลังจะมาเยือน ขอแนะนำว่าควรมีเครื่องวัดความดันติดบ้านสักเครื่องนะคะ ในปัจจุบันราคาไม่แพง หาซื้อง่าย แถมคุณภาพดีอีกด้วย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เครื่องวัดความดันโลหิต ได้ที่นี่เลย
การดูแลตัวเองเมื่อเป็น โรคความดันโลหิตสูง
บริโภคให้ครบ 5 หมู่
- ควบคุมการบริโภคให้ครบ 5 หมู่อยู่เสมอ มุ่งเน้นเป็นผักและผลไม้ที่มีกากใยสูง ขับออกง่าย ไม่เกิดการสะสมในหลอดเลือด ธัญพืชต่างๆก็ช่วยลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูง
เลี่ยงเนื้อแดง
- เลี่ยงเนื้อแดง เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารรสเค็มและโซเดียมสูง รวมไปถึงของทอดๆ น้ำมันท่วมๆ และของหวานน้ำตาลสูง เพราะล้วนแล้วแต่จะเร่งให้ค่าความดันสูงมากขึ้น
งดการสูบบุหรี่
- งดการสูบบุหรี่หรือจำกัดปริมาณให้น้อยที่สุด รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มมึนเมาจะทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น เลือดสูบฉีดแรงขึ้น ความดันก็พุ่งขึ้นตามไปด้วย
ลดน้ำหนักให้ดัชนีมวลกาย (BMI)
- ลดน้ำหนักให้ดัชนีมวลกาย (BMI) ให้มีค่าน้อยกว่า 25 กก./ม.2 พยายามควบคุมรูปร่างให้สมสวนอยู่เสมอเพื่อป้องกันภาวะโรคอ้วนที่จะทำให้โรคความดันโลหิตสูงอาการหนักขึ้น
หมั่นออกกำลังกายเบาๆให้สม่ำเสมอ
- หมั่นออกกำลังกายเบาๆให้สม่ำเสมอ เพื่อให้หัวใจแข็งแรง เช่น ปั่นจักรยาน วิ่งเยาะๆ เต้นแอโรบิก เป็นต้น
หาทางรับมือกับความเครียด
- หาทางรับมือกับความเครียด ผ่อนคลายสมองด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ กินของอร่อย และพูดคุยระบายปรึกษากับผู้อื่น รวมไปถึงการพักผ่อนอย่างเพียงพออีกด้วย
ข้อแนะนำคือ ผู้ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ก็จะมีความเสี่ยงไม่มากก็น้อย แม้ว่าจะรู้สึกสบายดีก็ควรไปตรวจสุขภาพและวัดค่าความดันโลหิตในทุกๆปี โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเช่น มีภาวะอ้วน เบาหวาน เป็นต้น
ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension)
คือภาวะที่ความดันในหลอดเลือดแดงต่ำกว่าเกณฑ์จนผิดปกติ วัดค่าความดันเลือดต่ำกว่า 90/60 มิลลิเมตรปรอท สามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย ทุกช่วงอายุ แต่ผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงมากที่สุด
สาเหตุของค่าความดันโลหิตต่ำ
- การที่ร่างกายขาดวิตามินบางชนิดเป็นระยะเวลานาน เช่น วิตามิซี จนทำให้หลอดเลือดแดงไม่แข็งแรง เกิดการคลายตัวมากเกินไป จนเลือดไม่สามารถไหลได้อย่างเต็มที่ได้
- การบริโภคน้ำที่ไม่เพียงพอ น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของเลือด เมื่อมีภาวะขาดน้ำต่อเนื่อง จะทำให้เลือดไม่สามารถไหลวนกลับไปที่หัวใจได้เพียงพอ ส่งผลให้หัวใจเต้นบีบตัวได้น้อยลง ทำให้เกิดเป็นความดันโลหิตต่ำตามมา
- การขาดการออกกำลังกาย หัวใจไม่แข็งแรง การสูบฉีดเลือดก็ทำได้น้อยตามลงไปด้วย
- ภาวะเลือดจาง เลือดมีปริมาณน้อย ขาดความเข้มข้น ทำให้มีความดันโลหิตต่ำ
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาลดระดับความดัน ยาขับน้ำ รวมไปถึงยาทางจิตเวชต่างๆอีกด้วย
อาการของภาวะความดันโลหิตต่ำ
ปกติแล้วจะไม่มีอาการอะไรมากนักให้เป็นกังวล แต่ถ้าหากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอขึ้นมา ผู้ป่วยจะมีอาการหน้ามืดฉับพลัน มึนงง ทรงตัวไม่อยู่ อาเจียน ตาพร่ามัว อาจเป็นลมหมดสติ ชัก
วิธีป้องกันความดันต่ำ
หลักๆแล้วจะค่อนข้างคล้ายกับความดันสูงอย่างการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย สิ่งที่ควรระวังเพิ่มเติมมีดังนี้
- ดื่มน้ำเพียงพอ สำคัญมากเพราะจะช่วยให้เลือดสามารถไหลและถูกสูบฉีดได้ง่ายขึ้น
- ไม่ควรลุกนั่งหรือเปลี่ยนท่าทางเร็วเกินไป เพราะจะทำให้ความดันตกและหน้ามืดได้
- พักผ่อนให้เพียงอยย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อระบบต่างๆในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างปกติ
โรคความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบที่มักมาพร้อมกับของแถมอีกเป็นเข่งเป็นโหล หลายๆคนมักชะล่าใจแต่กว่าจะทันรู้ตัวถึงอันตรายก็สายไปเสียแล้ว ดังนั้นการวัดค่าความดันโลหิตเป็นประจำจึงสำคัญมาก อยากย้ำเตือนกันอีกครั้งว่าผู้สูงอายุควรมีเครื่องวัดความดันโลหิตติดบ้านไว้สม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติต่างๆ ก็จะได้สามารถไปพบแพทย์เพื่อจัดการปัญหาได้อย่างทันท่วงทีนะคะ