โรคเบาหวานคือโรคเรื้อรังที่เป็นดั่งประตูสู่โรคร้ายมากมาย ไม่ว่าจะ โรคตับ โรคไต ความดันโลหิต และที่ร้ายแรงที่สุดคือโรคปลายประสาทเสื่อม เนื่องจากค่าน้ำตาลที่สูงจะทำให้เลือดหนืดข้น จนเลือดไม่สามารถเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้จนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา หนึ่งในภาวะสำคัญที่เกิดขึ้นได้ง่ายและหลายคนละเลยกันคือ แผล เบาหวาน ภาวะอันตรายที่หากไม่รักษาอาจสายไปจนสูญเสียอวัยวะต่าง เช่น แขน ตา และที่พบบ่อยที่สุดคือ ขา
ทำความรู้จักกับ แผลเบาหวาน
แผลเบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดจากโรคเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานจะมักเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย หากผู้ป่วยเบาหวานเกิดแผลขึ้นก็จะหายได้ช้ากว่าคนปกติ เนื่องจากเลือดไม่สามารถเดินทางไปเลี้ยงบริเวณที่เกิดแผลได้ ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องก็อาจจะทำให้เนื้อเยื่อเกิดการอักเสบมากขึ้น ผู้ป่วยเบาหวานที่มีค่าน้ำตาลสูงมักมีอาการของปลายประสาทอักเสบร่วมด้วย จึงทำให้ประสาทสัมผัสลดน้อยลง มีอาการชาตามแขนขา หรือรับความรู้สึกได้น้อยลง หากเกิดแผลขึ้นก็มักจะไม่รู้ตัวและทำให้แผลลุกลามเรื้อรังมากขึ้นไปอีก
ใครเสี่ยงแผล เบาหวาน ที่สุด?
ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนเสี่ยงกับแผล แผลเบาหวาน ทุกคนอยู่แล้วแต่กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่คือ ผู้ที่มีอาการของค่าน้ำตาลสูงมานานกว่า 5 – 10 ปี ยิ่งนานปี ยิ่งเกิดแผลง่ายและลุกลามได้รุนแรงมากขึ้น
ทำไมเท้าถึงเสี่ยงที่สุด?
เนื่องจากเท้ามีเส้นประสาทเยอะ และเป็นอวัยวะที่อยู่ในจุดที่รับน้ำหนัก ที่สำคัญเท้าเป็นจุดที่สังเกตได้ยากกว่าอวัยวะอื่นๆ ร่วมด้วยกับการอาการปลายประสาทอักเสบ จึงมักทำให้ผู้ป่วยพลาดและทำให้แผลลุกลามมากขึ้น นถึงขั้นถูกตัดเท้าหรือขาในที่สุด
ลักษณะอาการ
เป็นแผลที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเบาหวานเรื้อรัง เนื่่องจากเลือดไม่ไปเลี้ยง ปากแผลไม่ปิดสนิทหรือแผลแห้งช้า รู้สึกแผลไม่ดีขึ้น อาจมีน้ำหนองร่วมด้วย หากไม่ดูแลเอาใจใส่ แผลจะขยายตัวขึ้น เนื้อเยื่อเกิดการอักเสบมากขึ้้น
ความน่ากลัว
- เป็นอาการเรื้อรัง ไม่สามาร
- หายขาดได้หากค่าน้ำตาลยังสูงอยู่ล
- หายช้า หากเป็นที่เท้าก็จะส่งผลกระทบโดยตรงกับชีวิตประจำวันที่ลำบากมากยิ่งขึ้น
- รักษายาก เพราะทางเดียวที่จะอาการดีขึ้นคือการควบคุมน้ำตาล ที่จะต้องพึ่งการดูแลเอาใจใส่มาก
- มีโอกาสติดเชื้อ อักเสบ ลุกลามสูง ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะอาการที่เกินกว่าจะแก้ไขโดย จนอาจถูกตัดเท้า นิ้ว หรือขาได้เลย
- เท้าอาจบวม ผิดรูป มีน้ำหนองไหลร่วมด้วย
วิธีดูแลตัวเอง
- หากรู้ว่าตัวเองมีค่าน้ำตาลที่สูง ควรเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดบาดแผล หมั่นตรวจเช็คตัวเองอยู่เสมอว่ามีรอยแผลหรือไม่ โดยเฉพาะเท้า หมั่นตรวจเช็คให้ดี เช็คก่อนนอนได้ทุกวันยิ่งดี เท่านี้ก็เป็นการดูแลตัวเองได้ในระดับนึงแล้ว
- สิ่งสำคัญที่สุดคือการ ควบคุมระดับน้ำตาลให้เหมาะสม หากค่าน้ำตาลลดลงจนอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นปกติ อาการของแผล เบาหวานก็จะดีขึ้น ความเสี่ยงในการลุกลามก็น้อยลงนั่นเอง
ในบางกรณีที่ผู้ป่วยมีค่าน้ำตาลสูงมากๆ จนการดูแลตัวเองไม่สามารถทำได้แล้ว อาจจะต้องเข้าพบหมอโรงพยาบาลเพื่อทำบอลลูนขยายหลอดเลือด หรือเข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือดใหญ่ให้เลือดสามารถไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้
ผักเชียงดา สุดยอดสมุนไพรลดน้ำตาล
ผักเชียงดา (Gymnema Inodorum) เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่มีสรรพคุณไม่ธรรมดาเหมือนชื่อ จนถูกเรียกว่าเป็น “สมุนไพรนักฆ่าน้ำตาล” เพราะจากหลายงานวิจัยในระดับสากลพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สารสำคัญในผักเชียงดา สามารถลดน้ำตาลในเลือดได้อย่างน่าตกใจ จนถูกนำมาพัฒนาและวิจัยต่อจนสามารถกลายเป็นยาสมุนไพรที่ช่วยบรรเทา ภาวะค่าน้ำตาลสูง และสามารถบำบัดอาการของ “โรคเบาหวาน” ได้ ความนิยมในตัวผักเชียงดาเพิ่มขึ้นจนมีการใช้อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
ผักเชียงดาฆ่าน้ำตาลได้อย่างไร?
สารสำคัญของผักเชียงดามีชื่อว่า จิมนิมิก เอซิด (Gymnemic Acid) เป็นสารที่มีโมเลกุลคล้ายกับน้ำตาล เมื่อเข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายจะดูดซึม จิมนิมิก เอซิด แทนน้ำตาลตัวจริง จากนั้นร่างกายจะขับน้ำตาลตัวจริงออกทางปัสสาวะอีกด้วย ส่งผลให้ค่าน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามการเลือกทานผักเชียงดา ควรเลือกทานผักเชียงดาที่มีคุณภาพมาตรฐาน และการรับรองสารสำคัญที่ถถต้อง เชื่อถือได้